พี่น้อง "ฟานดี้" เพชรแท้บุพเพสันนิวาส "บีจี"

[บ้านผลบอลคืนนี้]

     ย้อนกลับไปเกือบ 4 ทศวรรษก่อน เชื่อว่าแฟนบอลยุคนั้นคงไม่มีใครไม่รู้จัก ฟานดี้ อาหมัด ตำนานกองหน้าทีมชาติสิงคโปร์ ซึ่งดังแบบสุดๆ และเป็นหนึ่งในนักเตะอาเซียนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเพราะเคยคว้าทั้งแชมป์ลีกและแชมป์ฟุตบอลถ้วยที่ประเทศมาเลเซีย

ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสร้างชื่อเสียงด้วยการออกไปค้าแข้งในต่างแดนกับ เอฟซี โกรนิงเกน ในประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยเเคยลงสนามดวลกับ อินเตอร์ มิลาน จาก อิตาลี ในรายการ ยูฟ่า คัพ ปี 1983 ซึ่งเกมนั้นเขายิง 1 ประตูช่วยให้ทีมเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 2-0



แต่ผลงานในทีมชาติกลับไปไม่สุดนัก สิงคโปร์ ในยุคของ ฟานดี้ คว้าเหรียญเงินซีเกมส์ได้ 3 สมัย และเหรียญทองแดงอีก 3 หน ไม่เคยสัมผัสการเป็นแชมป์รายการดังกล่าว ก่อนที่จะผ่องถ่ายไปสู่ยุคของ นอร์ อลัม ชาห์ รุ่นน้องที่เคยสร้างสถิติยิงสูงสุดในถ้วยอาเซียน 17 ประตู จนมาถูก ธีรศิลป์ แดงดา ทุบลงที่ 19 ลูก ในเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020

อย่างไรก็ตามกาลเวลาที่หมุนเปลี่ยน ฟานดี้ อาหมัด ยังคงคลุกคลีอยู่กับวงการลูกหนังในดินแดนลอดช่อง ด้วยการเป็นโค้ชให้กับทีมชาติสิงคโปร์ในชุด ยู-23 และเคยพาทีมลุยซีเกมส์ 2019 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ มาแล้ว แต่สิ่งที่ถูกจับตามองมากเป็นพิเศษก็คือ เจเนอเรชั่นของรุ่นลูก ที่ก้าวมาเล่นในเมืองไทยทั้งสองคน



อิรฟาน ฟานดี้ และ อิคซาน ฟานดี้ เป็นสองแข้งรุ่นลูกที่สร้างผลงานได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งรายแรกโยกมาชิมลางตั้งแต่ปี 2019 ด้วยวัยเพียง 21 ปีเท่านั้น แต่ด้วยร่างกายที่สูงใหญ่และแข็งแกร่ง แถมยังเล่นเป็นกองกลางตัวรับได้ดีเท่ากับการยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟ และมีออพชั่นเสริมในการขยับขึ้นไปเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าได้อีกด้วย ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจของสาวก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด มาตั้งแต่ปีแรก

การเข้าบอลที่หนักหน่วง พ่วงความดุดัน แถมยังมีการเทคตัวขึ้นโหม่งที่สูงไม่แพ้โควตาต่างชาติ ทำให้เขาเป็นคีย์แมนหลักในการพาทีมคว้าแชมป์ไทยลีก 2 พ่วงด้วยการก้าวมาเป็นแชมป์ไทยลีก 2020/2021 อย่างยิ่งใหญ่ จนซีซั่นนี้ได้ไปเล่น เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2021 ทะลุเข้าไปถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย

เขาโชว์พลังเกมรับให้กับ "เดอะ แรบบิท" แมตช์ที่ต้องออกไปเยือน ชนบุค ฮุนได มอเตอร์ส ทีมแชมป์เคลีก ฤดูกาลล่าสุด และสามารถเล่นได้อย่างแข็งแกร่งก่อนแพ้จุดโทษ ด้วยสกอร์รวม 5-3 หลังเสมอกันในเวลา 120 นาที 0-0

ซึ่งจบเกมนั้น The straitstimes สื่อดังประเทศสิงคโปร์ ก็รายงานว่า แชมป์เกาหลีใต้ 9 สมัย เตรียมยื่นข้อเสนอให้กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด พิจารณาเพื่อดีงปราการหลังรายนี้เข้ามา โดยมีราคาค่าตัวถูกตั้งไว้ถึง 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ ราว 40 ล้านบาท แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบไป



จนถึงทุกวันนี้เขาก็ยังเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมที่แทบขาดไปไม่ได้ จนช่วง เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 เขาส่งของขวัญคริสมาสต์ จากประเทศสิงคโปร์ มาให้กับสาวก "กระต่ายแก้ว" ด้วยการเปิดตัวน้องชายอย่าง อิคซาน ฟานดี้ ที่หมดสัญญาจาก เอฟเค เจิร์ฟ ทีมในศึกฟุตบอลลีกนอร์เวย์

ด้วยประสบการณ์ลูกหนังในยุโรปที่ถูกขัดเกลามาอย่างถูกวิธี ทำให้หลายครั้งที่ คุณปวิณ ภรมย์ภักดี ประธานสโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ออกมาไลฟ์สดว่าให้ความสนใจ เพราะอยากเห็นพี่น้อง "ฟานดี้" มาเล่นด้วยกัน สุดท้ายก็เป็นบุพเพสันนิวาส ที่ได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่นี่จริงๆ



ในเกมที่เปิดบ้านเชือด การท่าเรือ เอฟซี 2-1 ลูกชายของ ฟานดี้ อาหมัด ทั้งสองคนสำแดงฤทธิ์เดช ด้วยการทำคนละ 1 ประตู ก่อนที่ ฟานดี้ผู้น้อง จะระเบิดฟอร์มเหมาคนเดียว 4 ประตูภายในช่วงเวลาแค่ 11 นาที ในเกมเฝ้ารังถล่ม พีที ประจวบ สกอร์มโหฬาร 7-2 พร้อมกับสร้างสถิติผู้เล่นที่ยิง 4 ประตูในเกมเดียวเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยลีกไปแล้ว ยอดรวมตอนนี้ของน้องชายคนกลางในการเจาะตาข่ายคู่แข่งในแดนสยามขยับขึ้นมา 13 ประตู จาก 17 นัด รวมทุกรายการที่ลงเล่น ประกอบด้วย ไทยลีก 13 นัด 8 ลูก, เอฟเอ คัพ 2 แมตช์ 1 ประตู และ ลีก คัพ 2 นัด 4 เม็ด



อย่าลืมนะว่าบ้านนี้ ยังมี อิลฮาน ฟานดี้ กองหน้าน้องชายคนสุดท้องวัย 19 ปี แต่กลับสูงถึง 182 เซนติเมตร แถมติดทีมชาติสิงคโปร์ชุดใหญ่ และลงสนามพร้อมกันไปแล้ว ถ้าจำกันได้ในเกม ยู-23 ชิงแชมป์อาเซียน ที่ประเทศกัมพูชา อิลฮาน ก็ทำประตูทีมชาติไทยมาแล้วด้วยลูกโขกที่เป็นเครื่องหมายการค้าของตระกูล ซึ่งยังไม่รู้ว่าอนาคตจะมีโอกาสโยกเข้ามาเล่นในถิ่น บีจี สเตเดี้ยม หรือไม่

ถ้าเป็นเช่นนั้นก็อีกคงจะบอกได้เต็มปากว่า ครอบครัว "ฟานดี้" ช่างเป็นบุพเพสันนิวาส ที่ครองคู่กับยอดทีมจากปทุมธานี อย่างแท้จริง