เรามีเว็บรวมคาสิโนออนไลน์มากกว่า 66 ค่ายเอาไว้ให้ได้เล่นกัน

  • Welcome to รีวิวเว็บคาสิโนออนไลน์ ที่น่าเล่นในไทยมากกว่า 66 เว็บไซต์. Please log in or sign up.

12 แข้งผู้เคยค้าแข้งทั้งเรือ-หงส์

เริ่มโดย บ้านผลบอลคืนนี้, เม.ย 14, 2022, 03:06 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

บ้านผลบอลคืนนี้



     วันอาทิตย์นี้ทุกสายตาจะจับจ้องอยู่ที่ "บิ๊ก แม็ตช์" ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล

 เกมที่เอติฮัด สเตเดี้ยม ถูกมองว่าจะเป็นตัวตัดสินได้ว่าใครจะเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของแดนผู้ดีในซีซั่นนี้ โดยที่ปัจจุบัน "เรือใบ" มีคะแนนมากกว่าอยู่หนึ่งแต้ม

 ก็ต้องบอกว่าทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้เปรียบจากการลงเล่นในบ้าน และผลเสมอก็ยังทำให้พวกเขามีแต้มนำอยู่ แต่ถ้าเอาชัวร์ก็ต้องเก็บชัยชนะให้ได้ไปเลย ในขณะที่ "หงส์แดง" ก็ต้องเน้นเพื่อสามคะแนนไว้ก่อน

 ใครชนะเกมนี้ได้ต้องบอกว่าคงได้กำลังใจมหาศาลเลย เพราะนอกจากจะทำให้ได้เปรียบในเส้นทางแชมป์ลีกยังเป็นการข่มก่อนที่จะเจอกันในเอฟเอ คัพอีกด้วย

 วันนี้ลองไปดูเรื่องที่ถือว่านอกสนามก็ได้กับนักเตะที่เคยเล่นให้กับทั้งสองสโมสรซึ่งมีมากถึง 12 คน แม้ในอดีตจะไม่ได้เป็นอริกันโดยตรงแต่ก็ต้องบอกว่าตอนนี้มีคนที่ยังค้าแข้งอยู่เหมือนกัน

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง



 ถือเป็นเป้าหมายเลข 1 ของแฟน ลิเวอร์พูล เลยก็ว่าได้สำหรับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่ย้ายหนีออกจากทีมไปเพื่อหวังประสบความสำเร็จกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังโด่งดังขึ้นมากับสโมสร

 แม้ว่า "หงส์แดง" จะทำเงินมากถึง 50 ล้านปอนด์ จากที่ดึงมาจาก ควีนส์ พาร์ค เรนเจอร์ส สมัยเป็นแข้งเยาวชนที่ 5 แสนปอนด์เท่านั้น แต่ต้องบอกว่าการย้ายทีมนั้นจบลงไม่สวยเท่าไร

 ยิ่ง สเตอร์ลิ่ง ประสบความสำเร็จกับ "เรือใบ" ด้วยการได้แชมป์พรีเมียร์ลีกก็ยิ่งสร้างความขุ่นเคืองให้กับ "เดอะ ค็อป" อย่างสูง และนี่คือเป้าหมายในการโห่ของแฟนบอลเลย

 สเตอร์ลิ่ง กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดภายใต้การคุมทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังดีที่ ลิเวอร์พูล สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้แล้วช่วยบรรเทาความไม่พอใจได้บ้าง แต่ยังไงนี่ก็คือศัตรูที่คงไม่รอดที่จะโดนด่ายามที่สัมผัสบอลแน่นอน

โคโล่ ตูเร่



 สร้างชื่อเป็นที่รู้จักสมัยที่ย้ายมาค้าแข้งกับ อาร์เซน่อล กระทั่งย้ายมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2009 ถือเป็นแข้งในช่วงเริ่มต้นหลังจากที่ ชีค มานซูร์ เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร

 4 ปีกับทีม "เรือใบ" โคโล่ ตูเร่ ช่วยทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ 1 สมัย ในฤดูกาล 2011/12 ซึ่งอันที่จริงเจ้าตัวก็ไม่มีส่วนร่วมมากเท่าไรนัก ก่อนที่จะหมดสัญญากับทีมไปในปี 2013

 ในช่วงซัมเมอร์ปีนั้น ตูเร่ ย้ายเข้ารังแอนฟิลด์ โดย 3 ปีกับทีมลงเล่นไป 71 เกม ทำได้ 1 ประตูไม่เคยคว้าแชมป์อะไรกับสโมสรเลย เรียกได้ว่าแฟน ลิเวอร์พูล อาจจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยมีเขาอยู่ในทีม

เดวิด เจมส์



อดีตผู้รักษาประตูคนดังที่ต้องบอกว่าแฟนบอลบ้านเราคงจะคุ้นเคยกับการที่เจ้าตัวสวมชุดของ ลิเวอร์พูล มากกว่า หลังอยู่ค้าแข้งกับทีมนาน 7 ปีในยุค 90 หลังย้ายมาจาก วัตฟอร์ด ด้วยค่าตัว 1 ล้านปอนด์เมื่อปี 1992

 แต่หลังแยกทางกับ "หงส์แดง" เดวิด เจมส์ ไปเล่นกับ แอสตัน วิลล่า และ เวสต์แฮม ก่อนที่จะมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2004 ซึ่งในช่วงนั้นต้องบอกว่า "เรือใบ" ยังเป็นเพียงทีมไม้ประดับของลีกเท่านั้น ไม่ได้ลุ้นแชมป์อะไร

 3 ปีกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงเฝ้าไป 100 เกมพอดี ไม่ได้มีแชมป์อะไรติดไม้ติดมือ ส่วนกับ ลิเวอร์พูล นั้นมีแชมป์ลีก คัพในฤดูกาล 1994/95

สตีฟ แม็คมานามาน



 เด็กปั้นและนักเตะที่ได้ชื่อว่าเป็นตำนานของสโมสร ลิเวอร์พูล, สตีฟ แม็คมานามาน คือปีกขวัญใจวัยรุ่นยุค 90 ที่ต้องบอกว่าไม่มีใครไม่รู้จักในนามของกลุ่ม "สไปซ์ บอยส์" อันโด่งดัง

 อย่างไรก็ตามในช่วงนั้นต้องบอกว่า "หงส์แดง" ไม่ได้อยู่ในช่วงที่ดีที่สุด แม้จะเกาะกลุ่มหัวตารางแต่ก็ไม่ได้ลุ้นแชมป์อย่างจริงจัง ทำให้ "แม็กก้า" มีแค่แชมป์เอฟเอ คัพ และ ลีก คัพ กับสโมสรเท่านั้น

 หลังลงเล่นให้กับทีมกว่า 350 เกม ทำไป 66 ประตู เจ้าตัวก็ย้ายไปเล่นกับ เรอัล มาดริด โคตรทีมจากสเปนและต้องอบกว่าประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมได้แชมป์ลา ลีกา สเปน 1 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย และ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 1 สมัย

 ปี 2003 แม็คมานามาน ย้ายกลับอังกฤษโดยไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มี เควิน คีแนน ฮีโร่ส่วนตัวคุมทีมแต่ด้วยอาการบาดเจ็บบ่อยครั้งทำให้เจ้าตัวลงเล่นเพียง 44 เกมเท่านั้นตลอดระยะเวลา 2 ปี และถูกระบุว่านี่คือหนึ่งในการเซ็นสัญญาย้ายทีมแบบไม่มีค่าตัวที่แย่ที่สุดจากแมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์ ด้วย

มาริโอ บาโลเตลลี่



 ชายผู้โด่งดังจากวลี "Why Always Me" หลังยิงประตูใส่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ในเกมดาร์บี้ สร้างสีสันเป็นที่รักของแฟนบอล แต่เขากลับเป็นตัวปัญหาของผู้จัดการทีมและบอร์ดบริหาร

 แต่ว่านอกเหนือจากนั้นเขาอาจจะไม่มีอะไรให้จดจำมากโดยอยู่ค้าแข้งกับทีม 3 ปีก่อนถูกปล่อยไปให้กับ เอซี มิลาน โดยมีแชมป์เอฟเอ คัพกับพรีเมียร์ลีกติดตัวไป

 มาริโอ บาโลเตลลี่ กลับมาอังกฤษอีกครั้งโดยเซ็นสัญญากับ ลิเวอร์พูล หลังจากที่เสีย หลุยส์ ซัวเรซ ไป แต่ทุกอย่างคือความล้มเหลวโดยทำได้แค่ 4 ประตูจาก 28 เกม อยู่กับทีมได้แค่ปีเดียวก็โดนส่งกลับให้ มิลาน ยืมตัวก่อนถูกขายต่อไป นีซ

 ปัจจุบันในวัย 31 ปียังค้าแข้งกับ อดานา เดเมียร์สปอร์ ในตุรกี ซึ่งผลงานถือว่าใช้ได้เลยทำ 12 ประตูจาก 28 เกมในฤดูกาลนี้

ร็อบบี้ ฟาวเลอร์



หนึ่งในนักเตะที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ ลิเวอร์พูล เป็นที่รักใคร่ของแฟนบอลจนได้รับฉายา "พระเจ้า" ด้วยผลงาน 183 ประตูจาก 369 เกมกับสโมสร

 เด็กปั้นของสโมสรที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่อายุเพียง 9 ปีเท่านั้นก่อนขึ้นสู่ทีมชุดให้พร้อมผลงานอันยอดเยี่ยมและคว้าแชมป์สำคัญทั้ง เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ, ยูฟ่า คัพ และ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ก่อนจะย้ายไป ลีดส์ ในปี 2001

 แต่ตลาดหน้าหนาวของฤดูกาล 2002/03 เควิน คีแกน ก็ดึงแข้งรุ่นน้องร่วมชายคา ลิเวอร์พูล มาเล่นด้วยกันด้วยค่าตัว 3 ล้านปอนด์ ซึ่งผลงานโดยรวมก๋ถือว่าไม่ขี้เหร่อะไรทำ 28 ประตูจาก 92 เกม

 ในปี 2005 ฟาวเลอร์ กลับรั้วแอนฟิลด์อีกครั้ง แต่สภาพของเขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้วพร้อมอาการบาดเจ็บที่ทำให้ไม่ได้ลงเล่นมากนักกระทั่งย้ายออกจากทีมไปในปี 2007

นิโกล่าส์ อเนลก้า



 หนึ่งในดาวรุ่งที่ได้รับยกย่องว่าดีที่สุดคนหนึ่งของโลกที่ถูก อาร์แซน เวนเกอร์ ปั้นขึ้นมากับ อาร์เซน่อล แต่การใจเร็วย้ายไป เรอัล มาดริด ทำให้ นิโกล่าส์ อเนลก้า กลายเป็นแค่กองหน้าธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นไปอย่างน่าเสียดาย

 ที่รั้วซานติอาโก้ เบร์นาเบว กลับทำตัวมีปัญหาสุดท้ายอยู่กับทีมได้ปีเดียวก่อนถูกขายให้ ปารีส แซงต์-แช็กแมง สโมสรอาชีพแรกแต่ก็ยังไม่ดีนักและมีช่วงที่มาเล่นกับ ลิเวอร์พูล แบบยืมตัวในปี 2001/02 แต่ก็ทำได้แค่ 5 ประตูจาก 22 เกม

 เควิน คีแคน นายใหญ่ แมนฯ ซิตี้ ตอนนั้นทุบคลังเป็นสถิติสโมสร 13 ล้านปอนด์ดึง อเนลก้า ร่วมทีม ซึ่งผลงานก็ไม่เลวร้ายอะไรแถมถือว่าดีเลยด้วยการทำ 45 ประตูจาก 103 ก่อนย้ายไปเล่นกับอีกหลายสโมสรก่อนแขวนสตั๊ดไปเมื่อปี 2005

เจมส์ มิลเนอร์



26 ล้านปอนด์ คือเงินที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่ายไปเพื่อดึง เจมส์ มิลเนอร์ มาจาก แอสตัน วิลล่า และต้องบอกว่าเจ้าตัวตอบแทนค่าตัวครบทุกบาททุกสตางค์

 ตลอดเวลา 5 ปีกับ "เรือใบ" มิลเนอร์ ไม่เคยได้รับบาดเจ็บเลยและลงสนามให้ทีมไปมากถึง 203 เกม เฉลี่ยสูงถึงปีละ 40 เกม คว้าแชมป์ในประเทศครบทั้งพรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ และ คอมมูนิตี้ ชิลด์

 หลังหมดสัญญาในปี 2015 เจ้าตัวเลือกย้ายไปเล่นกับ ลิเวอร์พูล และเขาก็เป็นที่รักของเหล่าสาวก "หงส์แดง" รวมถึง เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้เป็นกุนซือด้วย

 ไม่ต้องสงสัยหากว่านี่จะเป็นนักเตะที่แฟนบอลซิตี้ประมือให้แม้ว่าจะอยู่ในชุดของคู่แข่งกับตาม

ดีทมาร์ ฮามันน์



มิดฟิลด์ทีมชาติเยอรมันผู้ถูกจารึกชื่อว่าเป็นนักเตะคนสุดท้ายที่ทำประตูได้ในเวมบลีย์เดิมก่อนถูกทำลาย มาเล่นกับ ลิเวอร์พูล เมื่อปี 1999 และอยู่กับทีมยาวจนถึงปี 2006

 ช่วงเวลากับสโมสรช่วยทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, เอฟเอ คัพ และ ลีก คัพ 2 สมัย กระทั่งย้ายออกจากทีมซึ่งตอนแรกตกลงไปเล่นกับ โบลตัน แต่สุดท้ายไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

 ในวัย 33 ปีต้องบอกว่าอยู่ในช่วงปลายอาชีพแล้ว ซึ่งทางซิตี้ในตอนนั้นก็คงอยากได้แข้งประสบการณ์ไปช่วยประคองรุ่นน้อง โดยลงเล่น 71 เกมในช่วง 3 ฤดูกาล ปัจจุบันทำหน้าที่คอมเม้นเตเตอร์ให้กับสื่อซึ่งเราก็คงได้เห็นการ,งานวิจารณ์ของเจ้าตัวอยู่เรื่อยๆ

เคร็ก เบลลามี่



หลังผลงานยอดเยี่ยมกับ นิวคาสเซิ่ล และ แบล็คเบิร์น ก่อนหน้านี้ ลิเวอร์พูล ควักกระเป๋า 6 ล้านปอนด์เพื่อดึงตัวมาร่วมทีมเมื่อปี 2006

 แต่สิ่งที่โด่งดังมากกว่าผลงานในสนามคือเรื่องอื้อฉาวที่เจ้าตัวมีปัญหากับ ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ เพื่อนร่วมทีมก่อนเกมสำคัญในเวทียูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกกับ บาร์เซโลน่า ด้วยการเอาไม้กอล์ฟไปหวดเข้าให้

 เบลลามี่ ทำประตูได้ในเกมดังกล่าวพร้อมฉลองประตูด้วยท่าหวดวงสวิง แต่เจ้าตัวก็อยู่กับทีมได้ปีเดียวก่อนย้ายไป เวสต์แฮม ในปี 2007 กระทั่งปี 2009 ก็ไปเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ร่วมกับ มาร์ค ฮิวจ์ส เจ้านายเก่าสมัยอยู่ แบล็คเบิร์น

 แต่การแย่งตำแหน่งในทีมทำให้ เบลลามี่ เจอกับความยากลำบากก่อนโดยปล่อยให้ คาร์ดิฟฟ์ ยืมตัวในปี 2010/11 และไปเล่นกับ ลิเวอร์พูล อีกครั้งในปี 2011/12 กภายใต้การคุมทีมของ เคนนี่ ดัลกลิช

แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์



เด็กปั้นที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดึงมาจาก โครเวนทรี ก่อนดันสูทีมชุดใหญ่ในวัย 18 ปีหลังไปโชว์ฟอร์มเทพทำแฮตทริคในการซ้อมกับทีมชุดใหญ่ในปี 2006/07

 แต่ภายใต้ชุดสีฟ้าของสโมสรแฟนบอลไม่เคยเห็น แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ที่โชว์ฟอร์มเปรี้ยงปร้างมากมาย อาจจะเป็นเพราะว่าเจ้าตัวยังอายุน้อยกระทั่งไม่ได้รับการต่อสัญญาและย้ายฟรีไปอยู่กับ เชลซี ในปี 2009

 ที่รั้วสแตมฟอร์ด บริดจ์ทาง สเตอร์ริดจ์ ก็ไม่ได้ดีมากนักแต่การถูกยืมตัวไปเล่นกับ โบลตัน ช่วยเพิ่มความมั่นใจกระทั่งปี 2013 ลิเวอร์พูล จ่าย 12 ล้านปอนด์ดึงตัวร่วมทีม

 ในปี 2013/14 กบการประสานงานร่วมกับ หลุยส์ ซัวเรซ เจ้าตัวเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการกด 24 ลูก ดีที่สุดในอาชีพจนถึงทุกวันนี้ แต่อาการบาดเจ็บก็เล่นงานจนทำให้ สเตอร์ริดจ์ แทยไม่ได้ลงเล่นและผลงานตกต่ำกระทั่งถูกปล่อยตัวไปในปี 2019

อัลเบิร์ต ริเอร่า



 น่าจะเป็นหนึ่งในนักเตะที่แฟนบอลทั้งสองทีมแทบลืมไปแล้วว่าเคยมาค้าแข้งกับทีมด้วย โดยเฉพาะฝั่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ยืมตัวมาใช้งานจาก เอสปันญ่อล และฝกาผลงาน 1 ประตูจาก 19 เกมเท่านั้นในฤดูกาล 2005/06

 ในปี 2008 ลิเวอร์พูล จ่าย 8 ล้านปอนด์ซื้อมาร่วมทีมในยุคของ ราฟาเอล เบนีเตซ คนบ้านเดียวกันที่หวังจะดึงมาเป็นอีกเล่นงานคู่แข่ง ซึ่งปีแรกก็ทำได้ไม่เลวได้ลงเล่นถึง 40 เกมทำไป 5 ประตู

 แต่สุดท้ายกลับมีปัญหากับโค้ชจนโดนแบนออกจากทีมในปีถัดมากระทั่งโดยปลาอยไปให้ โอลิมเปียกอส โดยลงเล่นในฤดูกาลที่สอง 16 เกมทำประตูไม่ได้เลย




SITEMAP : รีวิวคาสิโนออนไลน์ บทความน่าสนใจ | แนะนำเว็บคาสิโนที่น่าเล่นที่สุดสำหรับคุณ