เวสลีย์ สไนเดอร์ อดีตสตาร์ดังทีมชาติ ฮอลแลนด์ ออกโรงเตือนทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล ว่าอย่าคว้าตัว เยอร์เรี่ยน ทิมเบอร์ ไปเสริมทัพเนื่องจากกองหลังทีม อาแจ็กซ์ มีรูปร่างที่เล็กเกินไป

ทิมเบอร์ ดาวเตะวัย 21 ปีกลับมาเป็นข่าวกับทีมใน พรีเมียร์ลีก อีกรอบโดยเชื่อว่าทั้ง ผีแดง และ หงส์แดง ต้องการเซ็นสัญญากับเขา

และที่สำคัญ เวโรนิก้า ออฟไซด์ รายการทีวีของเมืองกังหันลมเผยว่าแฟนสาวของ ทิมเบอร์ เคยหาบ้านในเมือง ลิเวอร์พูล มาแล้ว แต่สุดท้ายสตาร์ทีมชาติ ฮอลแลนด์ เลือกค้าแข้งกับ อาแจ็กซ์ ต่อ กระทั่งล่าสุดเชื่อว่าตัวนักเตะพร้อมย้ายสังกัดในซัมเมอร์นี้

ต่อกรณีของ ทิมเบอร์ สไนเดอร์ ซึ่งเคยค้าเกือกกับ อาแจ็กซ์ เช่นกัน รวมทั้ง เรอัล มาดริด และ อินเตอร์ มิลาน ลงความเห็นว่าทีมใน พรีเมียร์ลีก ไม่ควรดึงเขาไปร่วมทัพเนื่องจากตัวนักเตะมีรูปร่างเล็กเกินไป

"เขาฉลาด และเป็นกองหลังที่ดี" สไนเดอร์ เอ่ยเมื่อ 20 เม.ย. ผ่านรายการทีวีถึงกองหลังเจ้าของความสูง 5 ฟุต 9 นิ้ว

"แต่เขาแพ้การดวลลูกโด่งทุกครั้ง และในอังกฤษเขาต้องเจอกับนักเตะรูปร่างสูงใหญ่ มันจะเป็นข้อด้อย"

กระนั้นก็ดี ลิซานโดร มาร์ติเนซ อดีตเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ อาแจ็กซ์ ถูกวิจารณ์เช่นกันว่ามีรูปร่างเตี้ยเกินกว่าที่จะเล่นในอังกฤษได้ แต่สตาร์ทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ทำให้กูรูทุกรายที่วิจารณ์เขาในประเด็นนี้หน้าแหกยับ

ด้าน สไนเดอร์ เสริมถึงกรณีดังกล่าวหลังถูกท้วงติงว่ามีความแตกต่างกัน

"ลิซานโดร มาร์ติเนซ ตัวเล็กก็จริง แต่เขาสามารถกระโดดได้ และสูงกว่าคู่แข่ง"

"ผมเคยเห็น ฟาบิโอ คันนาวาโร่ (อดีตกองหลัง เรอัล มาดริด) เขาตัวเล็กเหมือนกัน แต่เขาชนะการดวลลูกโด่งทุกครั้ง"

ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ออกโรงเฉ่งการทำงานของทีมผู้บริหารชุดใหม่ของ เชลซี โดยบอกด้วยว่า "สิงห์บลูส์" ตอนนี้ต่างไปจากที่ตนเคยรู้จักอย่างสิ้นเชิง

ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ตำนานกองหน้าของ เชลซี สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตำหนิผู้บริหารชุดใหม่ของ "สิงห์บลูส์" ว่าตัดสินใจหลายด้านได้ย่ำแย่จนส่งผลเสียต่อทีมอย่างหนัก

นี่ถือเป็นฤดูกาลแรกที่ผู้บริหารชุดใหม่ของ เชลซี ซึ่งนำโดย ท็อดด์ โบห์ลี่ และ เบห์ดาด เอ็กบาห์ลี่ ได้ทำทีมแบบเต็มซีซั่น โดยพวกเขาทุ่มเงินไปกับการเสริมทัพตลอดทั้งฤดูกาลรวมแล้วมากกว่า 600 ล้านปอนด์ (ประมาณ 25,200 ล้านบาท) แต่ทีมกลับหมดลุ้นแชมป์ในทุกรายการเรียบร้อย แถมไม่น่าจะติดท็อปโฟร์ในซีซั่นนี้ด้วยหลังจากปัจจุบันอยู่ที่ 11 ของตารางคะแนน

ดร็อกบา กล่าวก่อนเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง ที่ เชลซี แพ้ เรอัล มาดริด 0-2 เมื่อวันอังคารที่ 18 เมษายน ที่ผ่านมาว่า "ในยุคของ อบราโมวิช ผมรู้ดีว่าสโมสรนี้มีคลาสในระดับไหน แต่ตอนนี้ผมมองว่าพวกเขาขาดสิ่งนั้นไปแล้ว ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าพวกเขาปลดคนบางคนได้ยังไง"

"พวกเขาควรจะกลับไปให้ความสำคัญกับหลักปฏิบัติและคุณค่าที่มีอยู่แล้ว ทุกวันนี้ผมจำสโมสรของผมไม่ได้แล้ว พวกเขาไม่ใช่ทีมเดิมอีกต่อไป มันมีเจ้าของคนใหม่เข้ามาและมีการทำทีมด้วยวิสัยทัศน์ใหม่ๆ"

"แน่นอนว่าเราพยายามที่จะเปรียบเทียบสิ่งเหล่านั้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคของ อบราโมวิช ยุคนั้นมีการดึงนักเตะเข้ามาร่วมทีมหลายคนก็จริง แต่การตัดสินใจหลายครั้งถือเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดมากๆ ยุคนั้นมีการเอานักเตะอย่าง ปีเตอร์ เช็ก, อังเดร เชฟเชนโก้, เอร์นัน เครสโป, ไมเคิ่ล เอสเซียง, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา, ฟลอร็องต์ มาลูด้า ฯลฯ มาร่วมทีม มันเป็นการเสริมทัพเพื่อให้ทีมได้แชมป์ พวกเขาเหล่านั้นต่างก็เป็นนักเตะที่มีประสบการณ์สูงในระดับหนึ่งอยู่แล้ว"

"ตอนนี้ยุทธศาสตร์ของทีมต่างออกไป เราไปเดิมพันกับเหล่านักเตะดาวรุ่ง แต่มันเป็นเรื่องยากสำหรับผู้จัดการทีมที่จะบริหารทีมได้ดีเมื่อในทีมมีนักเตะเกิน 30 คน พวกเขาขาดผู้นำที่มีเสน่ห์ที่ดี คุณต้องการนักเตะที่จะพร้อมลุย, พร้อมรับผิดชอบหน้าที่ของพวกเขา คุณต้องการนักเตะที่จะลงเล่นในสนามด้วยอารมณ์บ้าคลั่งนิดๆ"

เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ชมเปาะนักเตะระเบิดฟอร์มได้เยี่ยมที่สุดในซีซั่นนี้นัดบุกพิชิต ลีดส์ 6-1 ในเกม พรีเมียร์ลีก ที่สนาม เอลแลนด์ โร้ด เมื่อวันจันทร์ที่ 17 เม.ย. แต่ยืนยันยังไม่มีสิทธิ์คิดฝันถึงการคว้าอันดับท็อปโฟร์

คล็อปป์ ประสบความสำเร็จพาทีมกำชัยได้เป็นนัดแรกในหกนัดหลังของทุกรายการนับตั้งแต่เปิดบ้านกระซวก แมนฯ ยูไนเต็ด 7-0  แต่แม้ หงส์แดง จะโชว์ฟอร์มสุดยอดออกมาได้สำเร็จ กุนซือชาวเมืองไส้กรอกได้ระบุว่าไม่อาจนึกถึงโควต้า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เนื่องจากทีมอันดับเหนือกว่าอาจกำชัยในเกมของพวกเขาได้เช่นกันโดยล่าสุด เครื่องจักรสีแดง รั้งอันดับแปดของตารางโดยมีแต้มตามหลัง นิวคาสเซิ่ล ทีมอันดับสี่ที่ลงเล่น 30 นัดเท่ากันเก้าแต้ม

"ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดยังไงดี ทั้งเกมเยี่ยมมากยกเว้นสองสามจังหวะ ผมคิดว่ามันเป็นเกมที่ดีที่สุดในซีซั่นนี้ของเราจากหลายๆประเด็น" คล็อปป์ กล่าว

"เราคอนโทรลเกมได้เหนือกว่า เราเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม และเยือกเย็น"

"เกมโต้กลับก็สุดยอด ผมชอบที่สุดในนาทีที่ 92 ตอนที่สี่นักเตะไล่แย่งบอลจาก ลีดส์ เราเล่นได้ดี และได้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง"

"ผมไม่สนใจหกประตู มันเป็นเรื่องของฟอร์ม มันเป็นฟอร์มของผู้ชนะ"

"มันไม่ใช่เกมที่ ลีดส์ สมควรชนะ มันชัดเจนว่าเราสมควรชนะ มันเป็นสิ่งที่ผมอยากเห็นมากที่สุด"

ต่อผลงานของ ดีโอโก้ โชต้า นายใหญ่ด๊อยทช์กล่าวว่า "เขามีฟอร์มที่สุดยอด เขายังพัฒนาได้อีกมาก ตอนนี้เขากลับมาแล้ว หวังว่ามันจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป นักเตะหลายคนสมควรได้เล่นเป็นตัวจริงในคืนนี้"

สำหรับการคว้าอันดับท็อปโฟร์ คล็อปป์ ระบุว่า "คุณจำเป็นต้องคว้าผลลัพธ์แบบนี้ให้ได้ตลอดไป แต่มันขึ้นอยู่กับทีมอื่นที่ต้องการคว้าผลลัพธ์ที่ดีด้วย เราไม่มีทางเลือกอื่น พวกเขาอาจชนะทุกนัด ไบรท์ตัน ยังนำหน้าเรา เราไม่มีสิทธิ์เป็นกังวลกับเรื่องนี้"

"หากเราคว้าผลลัพธ์ได้ เราก็สามารถมองดูอันดับตารางหลังจบซีซั่นได้"

โปรอาร์ม กิรเดช อภิบาลรัตน์ โปรวัย 33 ปี นำทัพนักกอล์ฟแถวหน้าของไทยลงชิงชัยศึกเอเชียน ทัวร์ รายการ อินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ เวียดนาม ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 68 ล้านบาท
เอเชียน ทัวร์ จัดการแข่งขันอินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ เวียดนาม เป็นครั้งแรก และเป็นรายการที่มีเงินรางวัลรวมสูงสุดนับตั้งแต่มีการจัดการแข่งขันกอล์ฟในประเทศเวียดนาม โดยเป็นการแข่งขันอินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ รายการที่ 4 ของฤดูกาลต่อจากโอมาน กาตาร์ และไทย และเป็นรายการที่ 8 ในตารางการแข่งขันของเอเชียนทัวร์ฤดูกาล 2023 มีนักกอล์ฟลงแข่งขันทั้งสิ้น 156 คน เป็นผู้เล่นชาวไทย 32 คน ชิงชัย ณ สนามเคเอ็น กอล์ฟ ลิงค์ ระยะ 7,158 หลา พาร์ 72 ในเมืองกัมราญ ประเทศเวียดนาม ซึ่งออกแบบโดย เกรก นอร์แมน ด้วยเลย์เอาท์สุดท้าทายคดเคี้ยวผ่านเนินทรายธรรมชาติ คล้ายสนามลิงค์คอร์สแบบดั้งเดิมของสกอตแลนด์

รอบฝึกซ้อมและการแข่งขันโปรแอม และจัดให้มีงานแถลงข่าวโดยผู้เล่นชั้นนำ ได้แก่ พอล เคซีย์ โปรกอล์ฟชื่อดังชาวอังกฤษ, อันนีบาน ลาฮีรี นักกอล์ฟแถวหน้าของอินเดีย, เวด ออร์มส์บี จากออสเตรเลีย เจ้าของแชมป์อินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ ที่ประเทศไทยเมื่อเดือนมีนาคม และ ไมเคิล ตรัน นักกอล์ฟเจ้าถิ่นจากเวียดนาม ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมก่อนเริ่มการแข่งขันรอบแรกในวันพฤหัสบดีที่ 13 เมษายนนี้

ทางด้านผู้เล่นไทยนำโดยยอดฝีมืออย่าง โปรอาร์ม กิรเดช อภิบาลรัตน์ อดีตแชมป์เอเชียน ทัวร์ 3 รายการ, โปรเพชร-สดมภ์ แก้วกาญจนา มืออันดับ 86 ของโลก, โปรฟีเวอร์-นิติธร ทิพย์พงษ์ แชมป์อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ สิงคโปร์ ปีที่แล้ว, โปรเพชร-พชร คงวัดใหม่ แชมป์เอเชียน ทัวร์ ที่ภูเก็ตเมื่อปี 2021, โปรแจ๊ส-อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ อดีตมือหนึ่งเอเชียน ทัวร์ ปี 2019 และทีเค-รัชชานนท์ ฉันทนานุวัฒน์ นักกอล์ฟสมัครเล่นดาวรุ่งวัย 16 ปี ลงประชันวงสวิงกับผู้เล่นระดับแถวหน้าของทัวร์ อาทิ แอนดี้ โอกลีทรี นักกอล์ฟหนุ่มชาวอเมริกัน เจ้าของสองแชมป์อินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ และผู้นำในตารางเงินรางวัลสะสมของเอเชียน ทัวร์ และอินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์, มิเกล เทบัวนา จอมเก๋าจากฟิลิปปินส์ เจ้าของแชมป์เอเชียน ทัวร์ ที่อินเดีย เมื่อเดือนมีนาคม และ ไทอิชิ โค โปรดาวรุ่งชาวฮ่องกง ที่เพิ่งคว้าแชมป์ฮ่องกง โอเพ่น เมื่อสองสัปดาห์ก่อน

กิรเดช อภิบาลรัตน์ โปรวัย 33 ปี ซึ่งจบอันดับ 12 ร่วมในรายการ อินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ ไทยแลนด์ ที่หัวหินเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เผยหลังลงเล่นรอบโปรแอมว่า "ผมไม่เคยมาเล่นที่สนามแห่งนี้มาก่อน สนามนี้เป็นสนามเขา เดินค่อนข้างเหนื่อย ผมคิดว่าเรื่องของสภาพร่างกายเป็นสิ่งสำคัญ ต้องเก็บพลังงานไว้ให้เล่นได้ 4 วัน เนื่องจากทั้งสภาพอากาศที่ร้อนมาก ไม่มีลมอย่างที่คิด และสภาพสนามที่ต้องเดินเหนื่อย ผมเชื่อว่าเกือบทุกคนมาเล่นสนามนี้ครั้งแรกเหมือนกัน ไม่น่าจะมีใครได้เปรียบเสียเปรียบนอกจากนักกอล์ฟเจ้าถิ่น สนามนี้อยู่ที่การตีขึ้นกรีน ช็อตแอพโพรชสำคัญ เพราะสโลปบนกรีนค่อนข้างเยอะ ค่อนข้างฝืด และบิดไปบิดมา เรื่องพัตต์บนกรีนก็สำคัญ ถ้าขึ้นกรีนถูกเหลี่ยมได้ก็ไม่ยาก สัปดาห์นี้ต้องเล่นเกมตัวเองให้ดีที่สุด ส่วนตัวผมก็อยากชนะ เพราะ 2-3 รายการที่ผ่านมา ผมพยายามพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่มีโอกาสชนะในสองวันแรก ทำให้เล่นกอล์ฟได้สนุกมากขึ้น คิดว่าสัปดาห์นี้น่าจะได้ลุ้นอีกครั้ง"

สำหรับศึก อินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ เวียดนาม รอบแรก (13 เม.ย.) ออกสตาร์ทด้านหลุม 1 และหลุม 10 กลุ่มแรกเริ่มเวลา 05.55 น. กลุ่มสุดท้ายเริ่มเวลา 12.45 น. ติดตามผลการแข่งขันและข่าวสารของเอเชียน ทัวร์ ได้ที่เว็บไซต์ www.asiantour.com และเฟซบุค Asian Tour

ลิเวอร์พูล สโมสรขวัญใจมหาชนแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ล้มเลิกแผนการเซ็นสัญญากับ จู๊ด เบลลิงแฮม กองกลางดาวโรจน์ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เนื่องจากค่าตัวแพงเกินไป และต้องการผู้เล่นที่ราคาถูกกว่านี้หรือเป็นนักเตะฟรีเอเจ้นต์

เบลลิงแฮม เป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งของ "หงส์แดง" ในการเสริมทัพช่วงซัมเมอร์นี้ โดยกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องการสร้างทีมขึ้นใหม่ หลังจากที่ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่หมดลุ้นแชมป์ทุกรายการ แถมอาจจะชวดโควตายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย

ช่วงที่ผ่านมามีรายงานว่า "เดอะ เร้ดส์" มีลุ้นที่จะได้ตัว เบลลิงแฮม มาร่วมทัพ เนื่องจากนักเตะมีความสนิทสนมกับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน สองนักเตะร่วมทีมชาติอังกฤษ

ล่าสุด "เดลี่ เมล" สื่อดังในเมืองผู้ดี รายงานว่าตอนนี้ ลิเวอร์พูล ถอดใจที่จะคว้าตัว มิดฟิลด์เลือดผู้ดี วัย 19 ปีมาร่วมทัพแล้ว โดยให้เหตุผลว่าการทุ่มเงินเพื่อคว้านักเตะคนเดียวด้วยมูลค่ากว่า 100 ล้านปอนด์ (ราว 4,200 ล้านบาท) ถือว่าแพงเกินไป และอาจส่งผลให้ทีมไม่สามารถซื้อผู้เล่นรายอื่นเข้ามาเสริมแกร่งได้

แม้ว่า คล็อปป์ จะอยากได้ เบลลิงแฮม มากแค่ไหนก็ตามแต่ด้วยค่าตัวที่แพงมากทำให้เขาต้องยอมตัดใจ และหันไปหาผู้เล่นที่มีราคาถูกกว่าอย่างเช่น เมสัน เมาท์ ดาวเตะเชลซี หรือ ยูริ ตีเลอมันส์ ห้องเครื่องเลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งกำลังจะเป็นนักเตะฟรีเอเจ้นต์ หลังจะหมดสัญญากับต้นสังกัดช่วงซัมเมอร์นี้

เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ยอมรับเขาเตรียมจะพูดคุยกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เกี่ยวกับการทำหน้าที่ยิงจุดโทษ หลัง "บังโม" พลาดจังหวะดังกล่าวเป็นสองครั้งติดในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

"หงส์แดง" มีโอกาสทองที่จะตีเสมอ อาร์เซน่อล ในช่วงต้นครึ่งหลังเมื่อพวกเขาได้จุดโทษจากจังหวะที่ ร็อบ โฮลดิ้ง ทำฟาวล์ ดีโอโก้ โชต้า อย่างไรก็ตาม ซาลาห์ ดันยิงหลุดเสาไปอย่างน่าเสียดาย แต่ ลิเวอร์พูล ยังโชคดีที่ได้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ โหม่งตีเสมอ 2-2 ทำให้พวกเขาเก็บ 1 คะแนนสำคัญในแอนฟิลด์

ก่อนหน้านี้ ซาลาห์ ก็เพิ่งจะยิงจุดโทษพลาดในแมตช์แพ้ บอร์นมัธ 0-1 ทำให้ตอนนี้ คล็อปป์ซึ่งทำท่าฉลองจังหวะที่ ซาลาห์ ยิงจุดโทษเพราะคิดว่ายิงเข้าประตู จำเป็นต้องเรียก "คิง ออฟ อียิปต์" มาพูดคุยเกี่ยวกับการทำหน้าที่สำคัญนี้ "ผมได้เห็นจังหวะจุดโทษหลังจบเกมไปแล้ว ผมคิดว่ามีแฟนบอลหลายคนที่แสดงปฏิกิริยาออกมา"

"เมื่อคุณไม่ได้ดูการยิงจุดโทษ คุณก็แสดงออกในสิ่งที่แฟนบอลแสดงออกมา แน่นอนว่ามีแฟนบอลบางคนคิดว่าบอลเข้าไปแล้ว แต่จริงๆ แล้วมันไม่เข้า นั่นคือเหตุผลที่ผมชูกำปั้นก่อนจะรู้ว่าไม่มีใครฉลองเพราะว่าบอลมันไม่เข้า"

ส่วนคำถามที่ว่า กองหน้าทีมชาติอียิปต์ จะได้รับหน้าที่สังหารจุดโทษต่อไปหรือไม่ เรื่องนี้ นายใหญ่ชาวเยอรมัน ตอบว่า "นั่นเป็นสิ่งที่เราจะต้องพูดคุยกัน แต่ไม่ใช่ที่นี่แน่นอน"

เจสซี่ มาร์ช กุนซือชาวอเมริกัน ส่อแววอาจไม่ได้ร่วมงานกับ เลสเตอร์ ซิตี้ สโมสรในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลังการเจรจาขั้นสุดท้ายระหว่างทั้งสองฝ่ายไม่สามารถหาบทสรุปได้

ก่อนหน้านี้ทัพ "เดอะ ฟ็อกซ์" เปิดการเจรจากับ มาร์ช ซึ่งเคยกุมบังเหียน "ยูงทอง" ลีดส์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยมีการคาดการณ์กันว่าบทสรุปทุกอย่างน่าจะเกิดในช่วงสุดสัปดาห์นี้

อย่างไรก็ตามจากการเปิดเผยล่าสุดของ ฟาบริซิโอ โรมาโน่ นักข่าวจอมเจาะลึก ระบุว่าการเจรจาระหว่าง กุนซือวัย 49 ปีกับทัพ "จิ้งจอกสยาม" ไม่สามารถหาข้อสรุปในการหารือขั้นสุดท้ายได้ ส่งผลทำให้ทั้งสองฝ่ายอาจจะไม่ได้ร่วมงานกัน

จากรายงานระบุว่า มาร์ช ต้องการความมั่นใจเกี่ยวกับแผนระยะยาวของสโมสร แต่หลังจากที่ปรึกษาหารือกับทีมงานของตนเองแล้ว เฮดโค้ชเลือดมะกัน ตัดสินใจที่จะไม่รับงานในถิ่นคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม

ทั้งนี้ เลสเตอร์ พยายามที่จะหาผู้จัดการทีมคนใหม่เพื่อเข้ามาช่วยกอบกู้สถานการณ์ของทีม หลังสั่งปลด เบรนแดน ร็อดเจอร์ส โดยก่อนหน้านี้พวกเขาพยายามที่จะดึงตัว แกรม พ็อตเตอร์ ซึ่งโดน เชลซี ปลดเมื่อเร็วๆ นี้ ให้เข้ามารับหน้าที่สำคัญ แต่ก็โดยปฏิเสธไปอย่างไม่ใยดี

แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือขัดตาทัพของ เชลซี ยอมรับว่านักเตะกำลังขาดความมั่นใจในการสอยตาข่าย และส่งผลให้บุกมาแพ้ วูล์ฟส์ 1-0 ในเกม พรีเมียร์ลีก ที่สนาม โมลินิวซ์ กราวด์ เมื่อวันเสาร์ที่ 8 เม.ย. ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ขุนพล สิงห์บลูส์ ยังแก้ไม่ตก

แลมพาร์ด กลับมาคุมทีมดังของกรุงลอนดอน เป็นนัดแรกหลังได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ชั่วคราวต่อจาก บรูโน่ ซัลตอร์ ผู้ช่วยของ แกรม พ็อตเตอร์ อดีตกุนซือที่โดนปลดไปแล้ว และปรากฏว่าเขาเริ่มประเดิมงานในวาระที่สองด้วยความปราชัยโดยทีมเงินถังไม่อาจยิงประตูทีม หมาป่า คืนได้หลังโดน มาเธอุส นูเนส ทะลวงตาข่ายในครึ่งแรกซึ่งเป็นประตูชัยของทีมเจ้าบ้านในท้ายที่สุด

"ผมคิดว่าฟอร์มในครึ่งแรกของเราอยู่ในขั้น 70% หรือประมาณนั้น มันมากพอสำหรับเกมที่สูสี และเราเสียท่าให้พวกเขาจากจังหวะที่ไม่มีอะไร"แลมพาร์ด เอ่ย

"ครึ่งหลังเราทุ่มเทมากขึ้น เรามีโอกาสมากขึ้น และนักเตะของเราลุยเข้าไปในเขตโทษมากขึ้น บางทีมันอาจเป็นเรื่องของการขาดอะไรไปบางอย่างที่เราน่าจะได้ประตู เราทำงานกันมาได้วันหรือสองวัน และมันเป็นเรื่องของความเข้าใจ"

"มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง และมันไม่ใช่ข้อแก้ตัว แต่หลายอย่างจำเป็นต้องพัฒนา และผมคิดว่ามันรวมถึงฟอร์มการเล่นด้วย เมื่อผมพูดถึงสภาพจิตใจ มันไม่จำเป็นต้องเป็นแง่ลบเสมอไป คุณต้องคุ้นเคยกับชัยชนะ และทำให้มันเป็นนิสัย ต้องยกเครดิตให้กับ วูล์ฟส์ ในวันนี้ พวกเขาแข็งแกร่ง และคว้าชัยชนะได้สำเร็จ"

"เราต้องทำงานกันต่อเพื่อสร้างทีมขึ้นมาใหม่ บางทีมันอาจเป็นความรู้สึกเมื่อคุณยิงประตูไม่ได้ ผมเคยเผชิญกับเรื่องแบบนี้มาก่อน และในฐานะสโมสร เราจำเป็นต้องจัดการ"

"มันคือความจริง เราต้องทำงานให้ลุล่วง คุณต้องคว้าแต้มให้ได้หากคุณต้องการทะยานไปข้างหน้า เราจำเป็นต้องทำให้ดีกว่าในวันนี้"

เชลซี ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประกาศแต่งตั้ง แฟรงค์ แลมพาร์ด เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวไปจนจบฤดูกาลนี้

การย้ายครั้งนี้ถือเป็นการกลับมาที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ อีกครั้งสำหรับกุนซือวัย 44 ปี ซึ่งผ่านเส้นทางค้าแข้งและประสบความสำเร็จสมัยเป็นนักเตะสิงห์บลูส์ ด้วยสถิติคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย และยูฟา แชมเปียนส์ ลีก 2012 ที่มิวนิก ส่วนสมัยเป็นกุนซือ เจ้าตัวคุมทีมไปทั้งสิ้น 84 เกม พาทีมเข้าชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ ได้

ท็อดด์ โบห์ลี และ เบห์แดด เอ็กห์บาลี เจ้าของสโมสรร่วม กล่าวว่า "เรามีความยินดีที่ได้ต้อนรับ แฟรงค์ กลับสู่สแตมฟอร์ด บริดจ์"

"แฟรงค์ เข้าสู่หอเกียรติยศพรีเมียร์ลีก และเป็นตำนานของสโมสรแห่งนี้ ขณะที่เราดำเนินการตามขั้นตอนอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อสำหรับการแต่งตั้งหัวหน้าโค้ชถาวร เราต้องการมอบแผนการที่ชัดเจนและความมั่นคงให้กับสโมสรและแฟนบอลของเราสำหรับช่วงเวลาที่เหลือของฤดูกาลนี้ เราต้องการมอบโอกาสในการไขว่คว้าความสำเร็จให้ตัวเอง ซึ่ง แฟรงค์ มีลักษณะและคุณสมบัติทั้งหมดที่เราต้องการในการผลักดันเราไปสู่ฝั่งฝัน"


"เรามีเกมสำคัญกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ในวันเสาร์ จากนั้นเราจะโฟกัสไปยังเกมแชมเปียนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ ที่มาดริด ในสัปดาห์หน้า เราทุกคนจะให้การสนับสนุน แฟรงค์ อย่างเต็มที่ พร้อมเป้าหมายในการเก็บผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จากเกมที่เหลือทั้งหมดของเรา"

ทั้งนี้ เมื่อปีที่แล้ว แลมพาร์ด รับงานกุนซือของ เอฟเวอร์ตัน ช่วยให้ทีมรอดตกชั้นในซีซันก่อน แต่ก็ต้องวนเวียนกับการตกชั้นอีกครั้งในฤดูกาลนี้จนสุดท้ายโดนปลดไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือขัดตาทัพของ เชลซี ป่าวประกาศว่าพร้อมทำงานอย่างสุดความสามารถในเวลาอันสั้นเพื่อพาทีมประสบความสำเร็จ พร้อมยืนยันไม่คิดนานเลยหลังได้รับการติดต่อจากอดีตสโมสร

แลมพาร์ด ซึ่งเคยเป็นทั้งนักเตะ ผู้จัดการทีม และดาวซัลโวสูงสุดของ สิงห์บลูส์ หวนคืนสู่ถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ อีกครั้งกลับมารับตำแหน่งผู้จัดการทีมชั่วคราวไปจนจบซีซั่นได้กล่าวเปิดใจหลังคืนสู่เหย้าว่าไม่ต้องเสียเวลาคิดที่จะรับตำแหน่งดังกล่าวเลยเนื่องจากรู้จักสโมสรดี และพร้อมช่วยเหลือทีมทุกเมื่อ

"มันเป็นการตัดสินใจที่ง่ายสำหรับผม นี่คือสโมสรของผม ผมมีเส้นทางที่แตกต่างไปนับตั้งแต่ผมอำลา เชลซี แต่การกลับมาเมื่อผมถูกร้องขอ และผมกลับมาด้วยความเชื่อว่าผมสามารถช่วยทีมได้จนจบซีซั่น ผมดีใจที่ได้โอกาส และผมขอบคุณมาก" แลมพาร์ด ซึ่งถูก โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมคนก่อนปลดเมื่อปี 2021 หลังพาทีมหล่นไปอยู่กลางตารางเปิดใจเมื่อ 6 เม.ย.

"ผมเข้าใจขุมกำลัง สนามซ้อม  สนามแข่ง และแฟนบอล ผมจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด"

กุนซือวัย 44 ปีซึ่งจะเริ่มคุมทีมบุกไปเยือน วูล์ฟส์ ในวันเสาร์นี้เสริมว่า "ผมคิดถึงไอเดียการจัดทีมเมื่อเช้าร่วมกับผู้คนที่จะร่วมงานกับผม ผมรู้ว่าผมต้องการอะไร ขอบคุณ บรูโน่ และ แกรม พ็อตเตอร์ บางครั้งสิ่งต่างๆก็ไม่เป็นไปด้วยดี แต่แน่นอนว่าผมมีไอเดียเป็นของตัวเอง"

"ผมไม่จำเป็นต้องพูดมากเลยถึงความสัมพันธ์ของผมกับแฟน เชลซี พวกเขาสนับสนุนผมเป็นอย่างมาก และผมขอบคุณเสมอ"

อย่างไรก็ดี ในเบื้องต้น แลมพาร์ด ยังไม่ได้ยืนยันว่าสตาฟฟ์โค้ชของเขาจะมีใครบ้าง