(https://static.siamsport.co.th/column/2022/04/13/column202204130823894.jpg)
ตอนแรกตั้งใจว่าจะส่องดูฟอร์มการเล่นของ บาเยิร์น มิวนิค และ บียาร์เรอัล โทษฐานที่ทีมใดทีมหนึ่งจะต้องเข้าไปจ้วงจึกกับพวกพรี่ๆ เขาในรอบตัดเชือก
แถม เรอัล มาดริด ก็คงไม่มีปัญหาอะไรในการเข้ารอบต่อไป หลังบุกไปขย่ม เชลซี มา 3-1 ในนัดแรก
ต่อเมื่อพวกสิงโตแห่งลอนดอนเป็นฝ่ายขึ้นนำอย่างรวดเร็ว
ผมจึงต้องเปลี่ยนใจ ละทิ้ง 'พี่เสือ' และ 'เรือดำน้ำ' ของลุงป้อม เพื่อมาดูเกมที่ เบร์นาเบว แทนแบบไม่ตะขิดตะขวงใจ !!!
1. ก่อนอื่นอยากให้ดูการจัดตัวผู้เล่นของ เชลซี
(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1391099034-594x594(1).jpg)
โธมัส ทูเคิ่ล ปรับระบบการเล่นโดยใช้แผงแบ็คโฟร์แทนสูตร 3-4-2-1 ที่มี 'หลังสาม' เพื่อเพิ่มตัวรุกลงไปโดยเฉพาะ เนื่องจากสถานการณ์เป็นรองค่อนข้างมาก
กองหลังตัวกลางเหลือ ติอาโก้ ซิลวา กับ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ แค่ 2 คน ขนาบด้วยแบ็ค 2 ข้างอย่าง รีซ เจมส์ กับ มาร์กอส อลอนโซ่
แดนกลางมี เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กับ มาเตโอ โควาซิช เป็นห้องเครื่อง โดยใส่ รูเบน ลอฟตัส-ชีค ไปอยู่ทางขวา
ติโม แวร์เนอร์ อยู่ทางซ้าย สลับกับ เมสัน เมาต์ ตามจังหวะ ขณะที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ เป็นกองหน้า
...ว่าแล้วก็เล่นเกมรุกแบบ...ไม่มีอะไรจะเสีย
2. ส่วน เรอัล มาดริด จากการทำงานของ 'พี่แช่' คาร์โล อันเชล็อตติ ยึดผู้เล่นชุดเดิมจากเมื่อกลางสัปดาห์ก่อนที่บุกขย่ม สแตมฟอร์ด บริดจ์ ทุกตำแหน่ง
(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1391097894-594x594(1).jpg)
ทีเด็ดยังคงอยู่ที่ คาริม เบนเซม่า และนั่นคือสิ่งที่ เชลซี ต้องจัดการ
ด้วยการตามตูดอยู่ถึง 2 ดอก โธมัส ทูเคิ่ล จึงวางแผนให้ลูกทีมบดบี้หนักหน่วงพลางเน้นเกมรุกหน่วงหนัก
เป้าหมายคือยิงประตูขึ้นนำให้เร็วที่สุด เพราะยิ่งยิงประตูแรกได้เร็วเท่าไหร่ ความกดดันยิ่งน้อยลงเท่านั้น
จุดนี้ 'สิงห์บลูส์' ทำได้อย่างยอดเยี่ยมยิ่งนักด้วยการใส่เต็ม 120% ต่อบอล-ทำชิ่งแม่นยำ ขยับเขยื้อนเคลื่อนที่เร็ว แถมชิงจังหวะขึ้นนำก่อนได้จริงๆ
โมเมนตั้มจึงเหวี่ยงมาทางพวกเขาเต็มๆ
นอกจากนี้ยังหยุดการประสานงานของ คาริม เบนเซม่า กับ วินิซิอุส จูเนียร์ ไม่ให้แผลงฤทธิ์ได้อีกด้วย ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่บอกว่าทำไม รูเบน ลอฟตัส-ชีค ถึงได้ลงเป็นตัวจริงทางขวาแบบพลิกโผ
3. หลัง เชลซี ออกนำ 1-0 ทีมชุดขาวก็ออกอาการระส่ำและเสียทรงอย่างชัดเจนเลยทีเดียว
(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1391102440-594x594(1).jpg)
คือจะรุกก็รุกไม่ขึ้น ครั้นจะเล่นเกมรับก็ไม่ใช่งานถนัดสักเท่าไหร่ พวกเขาเลยดูประดักประเดิดชอบกลจนถูกบุกกระหน่ำอยู่เพียงข้างเดียว
ว่าแล้วประตูที่ 2 ก็ตามมาในครึ่งหลัง
เช่นเดียวกับประตูที่ 3 ที่มาถึง 2 ครั้งด้วยกัน เพราะครั้งแรกถูกยึดคืน เนื่องจากแฮนด์บอล
เชลซี บุกมานำ 3-0 สกอร์รวมพลิกกลับมานำ 4-3 พร้อมความฮึกหาญอย่างสุดขีดคลั่ง
นาทีนั้นใครๆ ก็คิดว่า 'สิงน้ำเงิน' พลิกนรกดับราชันเข้ารอบ
4. จุดเปลี่ยนอยู่ตรงนี้แหละครับ
(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1239941032-594x594.jpg)
ก่อนเกม เชลซี ตามหลัง 3-1 มาจากนัดแรกจึงต้องเล่นแบบไม่มีอะไรจะเสีย
เมื่อ เรอัล มาดริด โดนนำห่าง 3-0 ด้วยรูปเกมเป็นรองสุดกู่ทั้งที่เล่นในบ้านตังเองแท้ๆ
พวกเขาจึงต้องเล่นแบบ 'ไม่มีอะไรจะเสีย' บ้าง
แถมในทางกลับกัน คือหลังขึ้นนำ 3-0 ผู้เล่นของ เชลซี ก็ดูจะย่ามใจคิดว่าตัวเองพลิกนรกได้แล้วแน่ๆ
ประตูตีไข่แตกที่มีค่ายิ่งของทีมชุดขาวต้องชมการเปิดลูกแบบไซด์ก้อยร้อยเกินของ ลูก้า โมดริช ก็จริง แต่จุดเริ่มต้นมาจากการตัดบอลได้ตรงกลางสนาม
การตีไข่แตก นอกจากจะช่วยให้ เรอัล มาดริด ยังมีชีวิตอยู่ มันยังทำให้อะไรที่เรียกว่า 'โมเมนตั้ม' สวิงกลับมาที่ทีมเจ้าถิ่นอย่างสุดเหวี่ยงอีกด้วย !!!
แล้ว คาริม เบนเซม่า ก็สังหารประตูได้อีกครั้ง คนที่แอสซิสต์ให้ก็คือ วินิซิอุส เจอาร์ แถมจุดเริ่มต้นมาจากการตัดบอลได้ตรงกลางอีกแล้ว
5. ใครบางคนบ่นเสียดาย ทำไมตอนนำ 3-0 โธมัส ทูเคิ่ล ถึงไม่หันมาเน้นเกมรับ โดยเอาปราการหลังลงมาอีกคนแล้วปรับไปเล่น 'หลังสาม' เหมือนเดิม ???
(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1391126158-594x594.jpg)
อันนี้ก็พูดยากเหมือนกันนะครับ เพราะตอนนั้น รูปเกมของ
เชลซี เหนือกว่า เรอัล มาดริด อย่างชัดเจน และอะไรที่มันดีอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน
ราชันชุดขาวสำแดงให้เห็นถึงความเขี้ยวยาวลากดินอีกครั้งในเกมที่ตัวเองโชว์ฟอร์มได้ไม่ค่อยโสภา ขณะที่ เชลซี แผ่วปลายไปเอง เฉพาะอย่างยิ่งในช่วงต่อเวลาพิเศษ เหตุเพราะใช้พละกำลังบดบี้อย่างจงหนักใน 90 นาทีจนหมดถังแล้ว
อย่างไรก็ตาม
ขออนุญาตชื่นชม เชลซี ที่สร้างความบันเทิงให้ท่านผู้ชมที่โคตรง่วงนอนตอนดึกๆ ทั้งๆ ที่พวกเขาน่าจะ 'เด๊ดห่า' ไปตั้งแต่นัดแรกแล้วด้วยซ้ำ
ที่แน่ๆ คือ 'พี่เสือ' สภาพนี้เนี่ย
หากตะกุยผ่านเข้ารอบต่อไป รับรองถูกพวกพรี่ๆ เขาชำเราไม่มีเหลือ
ฉะนั้นเอา 'เรือดำน้ำสีเหลือง' ของบิ๊กป้อมเข้าไปอุดพวกพรี่ๆ ในรอบตัดเชือก น่าจะพอมีลุ้นมากกว่า