(https://static.siamsport.co.th/news/2022/05/12/news202205120528435.jpg)
เป็นอันว่า แมนฯ ซิตี้ ขยับเข้าใกล้แชมป์ พรีเมียร์ลีก เข้าไปอีกขั้นเมื่อบุกไปวิสามัญ วูล์ฟส์ อย่างโหดอำมหิต 5-1 จากการฟาดแข้งเมื่อคืนวันพุธที่ 11 พ.ค.
จากผลลัพธ์ดังกล่าวทำให้ เรือใบสีฟ้า ขยับหนี ลิเวอร์พูล เป็นสามแต้มได้สำเร็จอีกคำรบจากการลงเล่น 36 นัดเท่ากัน แถมเพิ่มผลต่างประตูได้เสียทิ้งห่าง หงส์แดง เป็นเจ็ดเม็ดเข้าไปแล้ว
1.เดอ บรอยน์ โชว์
(https://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1396740312-594x594.jpg)
ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าแม้จะไม่ได้เล่นในตำแหน่งกองหน้า แต่ เควิน เดอ บรอยน์ จบสกอร์ได้อย่างเด็ดขาดชนิดที่หัวหอกหลายรายต้องอายม้วน
และจากการเหมายิงสี่ตุงในเกมบุกไปพิชิต วูล์ฟส์ สตาร์ทีมชาติเบลเยี่ยมเพิ่มประตูใน พรีเมียร์ลีก ให้กับตัวเองได้เป็น 57 เม็ดแล้วซึ่งทำให้เขาสอยตาข่ายได้มากกว่าดาวเตะในลีกเมืองผู้ดีทุกรายเนื่องจากทุกประตูไม่มีลูกโขกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลย
ขณะเดียวกัน ดาวเด่นของทีม เรือใบสีฟ้า ซึ่งกดแฮททริคได้ในเวลา 24 นาทีนับตั้งแต่เริ่มเขี่ยบอลก่อนซัดเม็ดที่สี่ของเกมที่ โมลินิวซ์ ในนาทีที่ 60 สร้างชื่อซัดสามตุงได้เร็วที่สุดใน พรีเมียร์ลีก เป็นอันดับสามด้วยต่อจาก ซาดิโอ มาเน่ ในเกมบู๊กับ แอสตัน วิลล่า เดือนพ.ค.2015 (16นาที) และ ดไวท์ ยอร์ค ในเกมฉะกับ อาร์เซน่อล เมื่อเดือนก.พ.2001 (22นาที)
2.เรือใบ ฟอร์มโหดท้ายซีซั่น
(https://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1396736524-594x594.jpg)
หลังถูก ลิเวอร์พูล ไล่ตามกดดันชนิดหายใจรดต้นคอ แมนฯ ซิตี้ ก็แสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการปล่อยให้ หงส์แดง แย่งแชมป์ไปครองง่ายๆจากผลงานในลีกสี่เกมก่อนหน้านี้ที่ฟ้องให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการสอยตาข่ายฝ่ายตรงข้ามของพวกเขา
หากไม่นับเกมในรอบตัดเชือกถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก กับ เรอัล มาดริด ที่ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ชนะในเกมเหย้า 4-3 ก่อนบุกไปแพ้ในช่วงต่อเวลา 3-1 พวกเขาถล่ม นิวคาสเซิ่ล 5-0,ขย่ม ลีดส์ 4-0,กระทุ้ง วัตฟอร์ด 5-1 และ ต้อน ไบรท์ตัน 3-0 รวมเบ็ดเสร็จคลำเป้าได้ 17 เม็ด และเสียไปแค่เม็ดเดียวเท่านั้น
จากนั้นในเกมบุกมาฟัดกับ หมาป่า แมนฯ ซิตี้ ก็เช็คบิลเจ้าบ้านได้อีก 5-1 เพิ่มสถิติในลีกห้าเกมหลังยิงได้มากถึง 22 ประตู และเสียไปแค่ 2 ประตู
พร้อมกันนี้ แมนฯ ซิตี้ ยังเป็นทีมแรกในลีกสูงสุดของอังกฤษด้วยที่ทำสถิติชนะห้านัดรวดโดยกระซวกตาข่ายฝ่ายตรงข้ามได้อย่างต่ำสามประตูทุกนัด
3.แชมป์สุดท้ายของ แฟร์นานดินโญ่
(https://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1396740354-594x594.jpg)
หลังจบซีซั่นนี้ แฟร์นานดินโญ่ จะอำลา แมนฯ ซิตี้ อย่างแน่นอนแล้วเนื่องจากหมดสัญญากับถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม
ด้วยเหตุนี้ ก่อนเกมบู๊กับ หมาป่า เขาจึงเปิดอกว่าหวังทิ้งทวนซีซั่นสุดท้ายกับ เรือใบสีฟ้า ด้วยการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก
และเท่าที่เห็น พ่อค้าแข้งจอมเก๋าวัย 37 ปีมีแววสมหวังไม่น้อยหากว่าทีมเงินถังจะไม่พลาดเหยียบเปลือกกล้วยลื่นล้มหัวฟาดพื้นเองในอีกสองนัดที่เหลือ และเปิดโอกาสให้ ลิเวอร์พูล ฟื้นคืนชีพ
รวมแล้ว ดาวเตะชาวเมืองกาแฟซึ่งรับใช้ เรือใบสีฟ้า มาตั้งแต่ซีซั่น 2013/14 ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก กับสโมสรไปแล้วสี่ครั้ง และอาจมีครั้งที่ห้าเป็นการส่งท้าย
นอกจากนี้ อดีตดาวเตะทีม ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค ก็มีแชมป์ เอฟเอคัพ หนึ่งครั้ง, ลีกคัพ หกครั้ง และแชมป์ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ หนึ่งครั้ง
4.ข้อกังขาของ ฮาแลนด์
(https://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1232311174-594x594(1).jpg)
หลังคว้าตัว เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ มาร่วมทัพ หลายสโมสรพากันอิจฉาตาร้อน แมนฯ ซิตี้ กันยกใหญ่เนื่องจากพวกเขาได้ดาวซัลโวตัวฉกาจมาร่วมทีมในราคาค่าฉีกสัญญาแค่ 51 ล้านปอนด์เท่านั้น ถูกกว่าพ่อค้าแข้งฝีเท้าต่ำติดดินหลายต่อหลายราย
เพราะถ้าจะว่ากันตามจริง ฮาแลนด์ สมควรมีค่าตัวที่แพงกว่านี้หากว่าไม่มีค่าฉีกสัญญาเข้ามาเกี่ยวข้องโดยสื่อบางสำนักประเมินค่าตัวของหัวหอกนอรเวย์เอาไว้ถึงหลัก 171 ล้านปอนด์เลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี มีการตั้งข้อสังเกตในทางลบกันแล้วว่าบางทีนักเตะอย่าง ฮาแลนด์ อาจมีสไตล์ไม่เข้ากับ เรือใบสีฟ้า ก็ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเห็นได้ว่าทีมของ กวาร์ดิโอล่า ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องโดยไม่จำเป็นต้องมีหัวหอกขนานแท้มายืนค้ำในแดนหน้าเลยก็ยังรัวกระสุนใส่คู่แข่งได้เป็นปืนกลจากแบบแผนการเล่นกองหน้าตัวหลอก
ฉะนั้นแล้ว จึงไม่แน่ว่าการย้ายมาของสตาร์ทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อาจส่งผลเสียต่อระบบการเล่นของ แมนฯ ซิตี้ ก็ได้อย่าง แจ็ค กรีลิช มิดฟิลด์ค่าตัว 100 ล้านปอนด์ไม่อาจแจ้งเกิดกับทีมเงินถังได้ และเป็นได้แค่ตัวสำรองมาจนบัดนี้
ถึงกระนั้น ที่แน่ๆการมาของ ฮาแลนด์ จะทำให้ใครบางคนเดือดร้อน และเหมือนจะรู้ตัวดีเนื่องจาก กาเบรียล เชซุส เตรียมโบกมือลา แมนฯ ซิตี้ หลังจบซีซั่นนี้โดยเอเยนต์ของดาวเตะชาวเมืองกาแฟเผยว่าเขากำลังเจรจาอยู่กับ อาร์เซน่อล ทีมร่วมลีกจริง
5.วูล์ฟส์ สวยแต่รูปจูบไม่หอม
(https://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1396745522-594x594.jpg)
มองกันแบบผิวเผิน วูล์ฟส์ เป็นทีมที่น่าเกรงขามไม่น้อยเนื่องจากมีนักเตะเทคนิคดี และเล่นในสไตล์สมัยใหม่ต่อบอลตามช่องได้อย่างน่าประทับใจเช่นกัน
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ สถิติฟ้องอยู่ทนโท่ว่า หมาป่า เป็นทีมที่ไร้พิษสงในด้านการสอยตาข่ายซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการคว้าผลลัพธ์ในเกมฟุตบอล
ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะก่อนเปิดบ้านต้อนรับแชมป์เก่า ทีมเจ้าถิ่นลงเล่นในลีก 35 นัด แต่ยิงประตูได้แค่ 35 ลูกเฉลี่ยนัดละลูกเท่านั้นจึงไม่ใช่ทีมที่มีความน่ายำเกรงอะไร
อย่างไรก็ดี จาก 35 นัดก่อนหน้านี้ วูล์ฟส์ เสียประตูน้อยมากเฉลี่ยนัดลูกเช่นกันจากตัวเลข 34 ประตูจึงต้องถือว่าเกมรับของพวกเขาแข็งแกร่งไม่หยอก เพียงแต่น่าเสียดายที่เกมรุกไม่มีประสิทธิภาพสูงพอ
จนในที่สุด วูล์ฟส์ ก็มาเสียท่าให้กับ แมนฯ ซิตี้ โดนถลุงไปซะ 5-1 เพิ่มสถิติการเสียประตูเป็น 39 ลูกจาก 36 นัดติดลบสามประตูไปซะแล้ว
พร้อมกันนี้ ความปราชัยของทีม หมาป่า ที่มีต่อ เรือใบสีฟ้า ยังช่วยการันตีอย่างเป็นทางการแล้วว่าแม้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะพลาดโควต้าฟุตบอล แชมเปี้ยนส์ลีก แต่ยังไงซะซีซั่นหน้า เอริค เทน ฮาก จะได้คุมทีมลงเล่นฟุตบอลยุโรปอย่างแน่นอน อย่างแย่ที่สุดก็เป็น คอนเฟอเรนซ์ ลีก หากว่าสุดท้ายแล้ว ผีแดง จะรักษาโควต้าถ้วย ยูโรปา ลีก ไม่สำเร็จ