(https://static.siamsport.co.th/column/2022/05/12/column202205120514775.jpg)
23 นาทีแฮทริกแรกในพรีเมียร์ลีกของ เควิน เดอ บรอยน์ ต้องบอกว่า "ซ้ายแฮทริก" เพราะยิงด้วยซ้ายทั้งสามลูก
ก่อนเกมนัดนี้แฟนหงส์พอมีความหวังให้วูล์ฟแฮมป์ตัน ตัดแต้มอย่างใดอย่างหนึ่ง
หลังจากทำแต้มเท่าด้วยชัยชนะแบบหืดๆต่อวิลล่าคืนวันอังคาร ก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไรตราบที่นกหวีดของผู้ตัดสินยังไม่เป่าหมดเวลา การแข่งขันเหลืออีกสามนัด มันยังไม่ได้ถูกตัดสิน
ถ้าไม่ลุ้นสิแปลก....ถ้าถอดใจก็ยิ่งแปลก
แทกติก บรูโน ลาช
บรูโน ลาช ผ.จ.ก. วูล์ฟ ยังไม่หายจากโควิด ไม่ได้ทำหน้าที่ข้างสนาม เป็นทางด้าน โทนี โรเบิร์ตส์ โค้ชผู้รักษาประตูของวูล์ฟกับ จอห์นนี คอนไซเซา รับหน้าที่ช่วยทำงานแทน ก็คงสื่อสารกันจากบ้าน
ระบบ 3-5-2 ของวูล์ฟ
ซา เฝ้าเสา
สามเซนเตอร์ จอห์นนี ทางขวา, โคดี และ โบลี ทางซ้าย
วิงแบกซ้าย เอนต์ นูรี วิงแบ๊กขวา ชิกินโญ ที่ซื้อมาจากสปอร์ติง ช่วงม.ค.
กองกลาง มูตินโญ, เนเวส และ เดนดองเกอร์
หน้าคู่ ราอูล ฮิเมเนส กับ เนโต้
(http://static.siamsport.co.th/files/images/GettyImages-1396745464.jpg)
เป๊ปส่ง แฟร์นานดินโญ คุมเกมรับ
ปัญหาการขาด รูเบน ดิอาส, จอห์น สโตน และ ไคล วอล์คเกอร์ พร้อมกันสามคน ตำแหน่งเซนเตอร์เป็นแฟร์นานดินโญ ยืนคู่กับ ลาปอร์ก ส่วนแบกสองข้างทางขวา กานเซโล ทางซ้าย ซินเชนโก
กองกลางเลือก โรดริก ยืนกับ กุนโดกัน เพื่อเป็นโลห์ให้เกมรับ ตัวรุกจึงเป็น เควิน เดอ บรอยน์ , แบร์นาโด ซิลวา, ฟิล โฟเดน ส่วนหน้าตัวปลอม ราฮีม สเตอริง พอเล่นไป ใช้การเติมขึ้นจากแถวสอง ราฮีม กับ โฟเดน เล่นตัวข้าง แบร์นาโด ซิลวา จะสอดเข้าไปเป็นฟอล์ส ไนน์
(http://static.siamsport.co.th/files/images/GettyImages-1396741935.jpg)
เดอ บรอยน์ โชว์ vs หลังวูล์ฟหลวม
จังหวะสอดขึ้นมาเล่นบอลหน้าไลน์ของ เดอ บรอยน์ ไม่มีใครประกบ โคดี ยืนห่าง ก่อน แบร์นาโด ซิลวา แทงให้ เดอ บรอยน์ เข้าเขตโทษและสับไกได้เด็ดขาดมากเสียบมุมเข้าไป น.6
วูล์ฟโดนแมนฯซิตี้ บุกอยู่ได้จังหวะสวนกลับมาเฉย.... ราอูล จ่ายบอลให้ เนโต ทะลุเข้าเขตโทษก่อนดึงจังหวะไหลบอลย้อนมาให้ เดนดองเกอร์ แปแฉลบให้ตีเสมอ 1-1
ทว่า...การยิงจังหวะที่สองของ เดอ บรอยน์ ทำให้แมนฯซิตี้นำ และมันคือความผิดพลาดของ โคดี กับ โชเซ ซา รับผิดชอบร่วมกันเสียง่ายลูกนี้
2-1 น.16 จังหวะเดอ บรอยน์ แปข้ามหัว โบลี ให้ ราฮีม หลุดเข้าเขตโทษ ซา ออกมาผิดจังหวะบอลโดนมือของเขากระดอนมาเข้าทาง เดอ บรอยน์ ซัดด้วยซ้าย ตุงตาข่าย
3-1 น.23 จากนั้นเป็นแฮทริกที่เด็ดขาดของ เดอ บรอยน์นอกเขตโทษด้วยซ้ายบอลพุ่งเสียบมุมสวยงามทั้ง 3 ลูกจบสกอร์ได้เด็ดขาดจริงๆ เดอ บรอยน์ โดยไม่ใช้โอกาสเปลือง
นี่คือแฮทริกแรกในพรีเมียร์ลีกของ เดอ บรอยน์
เป็นครึ่งแรกที่แมนฯซิตี้ สร้างจังหวะเข้ายิงแค่ 6-7 ครั้งแต่สี่ครั้งแรกได้สามสามลูก จากเดอ บรอยน์ อย่างสุดยอด ถือว่ายิงเด็ดขาด ขณะที่เกมรับของวูล์ฟต้องใช้คำว่า หลวมจริงๆ
ประตูที่สี่ของ เดอ บรอยน์ นาทีที่ 60 จังหวะขึ้นบอลหน้าไลน์ของเขาเอง ให้ ซิลวา และต่อด้วยโฟเดน ก่อนจะจบด้วยเท้าขวาของเดอ บรอยน์ 4-1 เหมาคนเดียวสี่ลูกครั้งแรกเช่นกันให้ แมนฯซิตี้
ในยุคพรีเมียร์ลีกมีกองกลางเพียงสามคนเท่านั้นที่ยิงได้สี่ลูก (@Squawka)
แฟร้งค์ แลมพาร์ด (เชลซี) 2008,2010
จีนี ไวนัลดุม (นิวคาสเซิล)2015
เควิน เดอ บรอยน์ (แมนฯซิตี้) 2022
ที่สำคัญลูกที่สี่ของ เดอ บรอยน์ มันคือประตูที่ 93 ส่วนลูก 5-1 ของ ราฮีม สเตอริง คือประตูที่ 94 ของพวกเขาในพรีเมียร์ลีก นี้ถ้าไม่ชนเสา หรือใช้โอกาสเปลือง วูล์ฟ น่าจะโดน 6-7 ลูกในเกมนี้
แน่นอน... แฮทริกของเดอ บรอยน์ ในครึ่งแรกทำให้เกมนี้จบง่ายดาย
(http://static.siamsport.co.th/files/images/GettyImages-1396742738.jpg)
ชัยชนะแบบขาดลอยและได้มาไม่เหนื่อยยากลำบาก จังหวะยิงเด็ดขาดยิ่งส่งผลต่อความมั่นใจในสองเกมที่เหลือ โดยเฉพาะวันอาทิตย์ที่ 15 พ.ค. นี้
ถ้าพวกเขาบุกไปเก็บเวสต์แฮม ยูไนเต็ดได้ พวกเขาจะนำลิเวอร์พูลหกแต้มก่อนลงสนามเยือนเซาธ์แฮมป์ตันในวันที่ 17 พ.ค.
นั่นหมายความว่า...ชัยชนะต่อขุนค้อนจะทำให้ "ผลต่าง" ของพวกเขาบวกเพิ่มอย่างน้อยหนึ่งลูก ตอนนี้บวก 72 มากกว่าลิเวอร์พูล 7 ลูก..... ที่สำคัญมันเกิดขึ้นในจังหวะลิเวอร์พูลเสมอ สเปอร์ส ...ทีมเป๊ป ส่งสัญญาณให้เห็นอย่างแรง ยิงไปสิบประตูในสองเกม โดยมีผลต่าง+9
ฟอร์มแบบนี้ต้องบอกว่า "จ่อแชมป์" เต็มที แล้วมีทางใดที่เด็กหงส์ยังพอมีความหวังหลงเหลือบ้าง
ทางปฏิบัติในสนามบอลตอนนี้น่าจะหมดโอกาส
แต่ในทางทฤษฏี ยังพอมีให้ลุ้น เพราะแต้มยังไม่ขาด
แมนฯซิตี 89 แต้ม +72
ลิเวอร์พูล 86 แต้ม +65
เอาแบบพอประมาณ.......
1 แมนฯซิตี้เสมอ 2นัด (91 แต้ม)
หากเกิดสะดุดเสมอ เวสต์แฮม และ แอสตัน วิลล่า เท่ากับได้เพิ่มอีกสองแต้ม
ลิเวอร์พูลชนะรวด 2 นัด มี 92 คะแนน
2 แมนฯซิตี้ แพ้ 1 เสมอ 1 (90 แต้ม)
แพ้หรือเสมอเวสต์แฮม
แพ้หรือเสมอวิลล่า
ลิเวอร์พูลชนะรวดสองนัด 92
3 แมนฯซิตี้ แพ้สองนัด (89 แต้ม)
ลิเวอร์พูลชนะหนึ่งเสมอหนึ่ง 90 แต้ม
4 แมนฯซิตี้ ชนะ 1 แพ้ 1 นัด 92 แต้ม
ลิเวอร์พูลชนะสองนัดรวด ถือว่าแต้มเท่ากัน 92 ก็ดูผลต่างประตูได้เสียซึ่งแน่นอน ลิเวอร์พูลก็ต้องยิงสองนัดรวมกันให้มากกว่าผลต่างของซิตี้ โดยขึ้นกับว่าซิตี้แพ้เท่าไหร่)
ชั่วโมงนี้...ว่ากันตามหน้าเสื่อโอกาสแชมป์ของเรือใบนั้นมีค่อนข้างมากแม้เหลือสองนัดมีโอกาสให้สะดุดได้ แต่บางทีลิเวอร์พูลอาจสะดุดในเกมเยือนเซาธ์แฮมป์ตันก็เป็นไปได้ ตัดสินแชมป์ให้ก่อนนัดสุดท้าย....
เด็กหงส์ที่ถอดใจก็เยอะ ....
เด็กหงส์ที่ยังมีความหวังก็ไม่น้อย...
ตราบเท่าที่การแข่งขันยังไม่จบสิ้น
ชีวิต supporter ก็ต้องลุ้นให้สุดทาง